วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2560
วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
หน่วยที่ 1
หมายถึง ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภทที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ตามลำดับขั้นตอนการทำงานซึ่งเขียนด้วยภาษาของคอมพิวเตอร์
2 ประเภท คือ
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (system software)
หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ จัดการอุปกรณ์รับเข้าและส่งออก การรับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระ การแสดงผลบนจอภาพ การนำข้อมูลออกไปพิมพ์ยังเครื่องพิมพ์ การจัดเก็บข้อมูลเป็นแฟ้ม การเรียกค้นข้อมูล การสื่อสารข้อมูล
ซอฟต์แวร์
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีมากมาย ซอฟต์แวร์เหล่านี้อาจได้รับการพัฒนาโดยผู้ใช้งานเอง หรือผู้พัฒนาระบบ หรือผู้ผลิตจำหน่าย หากแบ่งแยกชนิดของซอฟต์แวร์ตามสภาพการทำงาน พอแบ่งแยกซอฟต์แวร์ได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (system software)
หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ จัดการอุปกรณ์รับเข้าและส่งออก การรับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระ การแสดงผลบนจอภาพ การนำข้อมูลออกไปพิมพ์ยังเครื่องพิมพ์ การจัดเก็บข้อมูลเป็นแฟ้ม การเรียกค้นข้อมูล การสื่อสารข้อมูล
ซอฟต์แวร์ระบบสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. ระบบปฏิบัติการ
เป็นซอฟต์แวร์ที่อยู่ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ประยุกต์ มีหน้าที่ในการควบคุมการปฏิบัติงานของฮาร์ดแวร์ และสนับสนุนคำสั่งสำหรับควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ประยุกต์
ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
1) ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์วินโดวส์
2) ระบบปฏิบัติการแมคอินทอช
3) ระบบปฏิบัติการลินุกซ์
4) ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซร์ฟเวอร์
5) ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6) ระบบปฏิบัติการซิมเบียน
2. โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์
เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการแปลความหมายของคำสั่งในภาษาคอมพิวเตอร์ชนิดต่างๆไปเป็นภาษาเครื่องซึ่งแทนด้วยเลขฐานสอง (0 หรือ 1)
โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์มีการใช้งานสำหรับการแปลภาษาคอมพิวเตอร์ชนิดต่างๆ
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
2.1 แอสเซมเบลอร์ (assembler)
2. อินเทอร์พรีเตอร์ (interpreter)
3. คอมไพเลอร์ (compiler)
3. ซอฟต์แวร์อรรถประโยชน์
แปรแกรมที่ติดมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการวินโดว์ เป็นโปรแกรมที่ช่วยดูแลระบบการทำงานของวินโดว์เพราะมีหลากหลายโปรแกรม เช่น
1.โปรแกรมการจัดไฟล์
2. ป้องกันไวรัส
3. บีบอัดไฟล์
4.ไฟร์วอลล์
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software)
1. การจัดพิมพ์รายงาน
2. การสร้างตารางทำงาน
3.การนำเสนองาน
http://krupicnic.patum.ac.th
หน่วยประมวลผล
คือ สมองของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมการปฏิบัติงานหลักของเครื่อง กล่าวคือ ทำหน้าที่ด้านการคำนวณ ประมวลผลและการเปรียบเทียบตามคำสั่งหรือโปรแกรม โดยทั่วไปในเครื่อง ไมโครคอมพิวเตอร์จะติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยประมวลผลกลาง ซึ่งจะประกอบด้วย Microprocessor Chip, แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Card) และ Chip ประกอบอื่น ๆ ไว้บนแผงวงจรหลักที่เรียกว่า Mainboard หรือ Motherboard รวมเรียกทั้งหมดนี้ว่า System Unit หรือ System Cabinet นำไปติดตั้งไว้ในตัวถัง หรือ Case
หน่วยความจำหลัก
หน่วยความจำหลัก มีหน้าที่เป็นแหล่งเก็บข้อมูลการทำงานของคอมพิวเตอร์ ซึ่งรวมทั้งตัวคำสั่งในโปรแกรมและข้อมูลต่างๆ ที่จะใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะกำลังทำงานอยู่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท1. แรม (Random Access Memory : RAM)
เป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลสำหรับใช้งานทั่วไป การอ้างอิงตำแหน่งที่อยู่ของข้อมูลใดๆ เพื่อการเขียนและการอ่านจะกระทำแบบการเข้าถึงโดยสุ่มคือ เรียกไปที่ตำแหน่งที่อยู่ข้อมูลใดก็ได้ หน่วยความจำนี้เรียกว่า แรม หน่วยความจำประเภทนี้จะเก็บข้อมูลไว้ตราบเท่าที่มีกระแสไฟฟ้ายังจ่ายให้วงจร หากไฟฟ้าดับเมื่อใด ข้อมูลก็จะสูญหายทันที เครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้ ถ้ามีหน่วยความจำแรมมากๆ จะทำให้สามารถใช้งานโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่ๆ ได้ดีด้วย หน่วยความจำที่นิยมในปัจจุบันจะประมาณ 32, 64, 128, 256 เมกะไบต์ เป็นต้น
2. รอม (Read Only Memory : ROM)
เป็นหน่วยความจำอีกประเภทหนึ่งที่มีการอ้างอิงตำแหน่งที่อยู่ข้อมูลแบบเข้าถึง โดยสุ่มหน่วยความจำประเภทนี้มีไว้เพื่อบรรจุโปรแกรมสำคัญบางอย่าง เพื่อว่าเมื่อเปิดเครื่องมา ซีพียูจะเริ่มต้นทำงานได้ทันทีข้อมูลหรือโปรแกรมที่เก็บไว้ในรอมจะถูกบันทึกมาก่อนแล้ว ผู้ใช้สามารถอ่านข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถเขียนข้อมูลใดๆ ลงไปได้ซึ่งข้อมูลหรือโปรแกรมที่อยู่ในรอมนี้จะอยู่อย่างถาวร แม้จะปิดเครื่องข้อมูลหรือโปรแกรมก็จะไม่ถูกลบไป
หน่วยรับข้อมูล
คีย์บอร์ด (Keyboard)
แป้นพิมพ์ หรือ คีย์บอร์ด (keyboard) ประกอบด้วยปุ่มตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถใส่ข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเบื้องต้น มีลักษณะการทำงานคล้ายคีย์บอร์ดของเครื่องพิมพ์ดีด แต่ได้เพิ่มปุ่มควบคุมเฉพาะสำหรับคอมพิวเตอร์ โดยปกติจะมี 101 ปุ่ม ซึ่งบางรุ่นอาจจะมีน้อย หรือมากกว่าก็ได้ โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มๆ
101-key Enhanced keyboard
104-key Windows keyboard
82-key Apple standard keyboard
108-key Apple Extended keyboard
Notebook & Palm keyboard
104-key Windows keyboard
82-key Apple standard keyboard
108-key Apple Extended keyboard
Notebook & Palm keyboard
เมาส์ (Mouse)
คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมการใช้งานในคอมพิวเตอร์ชิ้นหนึ่ง ซึ่งออกแบบเพื่อให้พอดีกับการใช้งานโดยส่วนโค้งและส่วนเว้าโค้งเข้าตามกับอุ้งมือของผู้ใช้ โดยภายด้านใต้ของเมาส์จะมีอุปกรณ์ซึ่งตรวจจับการเคลื่อนไหวของเมาส์ โดยส่งสัญญาณไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลของเคอร์เซอร์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1.แบบทางกล (Mechanical)
เมาส์จะมีล้อยางเป็นลูกกลิ้งอยู่ด้านล่าง เมื่อผู้ใช้เมาส์เลื่อนเมาส์ไปบนแผ่นรองเมาส์ (Mouse pad) หรือพื้นโต๊ะ จะทำให้ลูกกลิ้งด้านล่างหมุนและทำให้แกนภายในของเมาส์หมุน ก็จะส่งสัญญาณเป็นพิกัดในการเลื่อนตำแหน่งชี้ (Mouse Pointer) ของเมาส์ไปยังตำแหน่งที่ต้องการบนจอภาพ เมื่อต้องการเลือกส่งต่าง ๆ บนจอภาพ ทำได้โดยการกดปุ่มซ้ายหรือขวา 1 ครั้ง (Click) หรือ 2 ครั้ง (Double Click) การทำงานของเมาส์นี้จะต้องควบคุมด้วยโปรแกรมที่เรียกว่า Mouse Driver
เมาส์จะมีล้อยางเป็นลูกกลิ้งอยู่ด้านล่าง เมื่อผู้ใช้เมาส์เลื่อนเมาส์ไปบนแผ่นรองเมาส์ (Mouse pad) หรือพื้นโต๊ะ จะทำให้ลูกกลิ้งด้านล่างหมุนและทำให้แกนภายในของเมาส์หมุน ก็จะส่งสัญญาณเป็นพิกัดในการเลื่อนตำแหน่งชี้ (Mouse Pointer) ของเมาส์ไปยังตำแหน่งที่ต้องการบนจอภาพ เมื่อต้องการเลือกส่งต่าง ๆ บนจอภาพ ทำได้โดยการกดปุ่มซ้ายหรือขวา 1 ครั้ง (Click) หรือ 2 ครั้ง (Double Click) การทำงานของเมาส์นี้จะต้องควบคุมด้วยโปรแกรมที่เรียกว่า Mouse Driver
2.แบบใช้แสง (Optical mouse)
อาศัยหลักการส่งแสงจาก Mouse ลงไปบนแผ่นรอง Mouse
3.แบบไร้สาย (Wireless Mouse)
เป็น Mouse ที่มีการทำงานเหมือน Mouse ทั่วไปเพียงแต่ไม่มีการใช้สายไฟต่อออกมาจากตัว Mouse ซึ่ง Mouse ชนิดนี้จะมีตัวรับและตัวส่งสัญญาณซึ่งทางด้านตัวรับสัญญาณอาจจะเป็นหัวต่อแบบ PS/2 หรือ แบบ USB ที่เรียกว่า Thumb USB receiver ซึ่งใช้ความถี่วิทยุอยู่ที่ 27MHz และปัจจุบันใช้แบบ Nano receiver ซึ่งใช้ความถี่วิทยุที่ 2.4 GHz
หน่วยแสดงผล
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ผ่านการประมวลผล โดยจะแปลงผลลัพธ์จากสัญญาณไฟฟ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์พิเศษ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เป็นต้น อุปกรณ์หน่วยแสดงผลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
1. จอภาพ
คือส่วนที่จะแสดงผลลัพธ์หรือเอ้าท์พุท จากการทำงานของคอมพิวเตอร์ออกมาทางจอภาพให้เราได้เห็นกันโดย Monitor จะมีสายสัญญาณเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง
คือส่วนที่จะแสดงผลลัพธ์หรือเอ้าท์พุท จากการทำงานของคอมพิวเตอร์ออกมาทางจอภาพให้เราได้เห็นกันโดย Monitor จะมีสายสัญญาณเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง
2. เครื่องพิมพ์
คืออุปกรณ์ที่จะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษ ทั้งรูปภาพและอักษร
หน่วยเก็บข้อมูลสำรองและอุปกรณ์สำรอง ข้อมูลอื่นๆ
คอมพิวเตอร์หรือซีพียูจะเรียกใช้ข้อมูลจากแรม ที่เป็นหน่วยเก็บข้อมูลหลักก่อน และหากข้อมูลที่ต้องการไม่มีในแรม ก็จะทำการอ่านข้อมูลจากหน่วยเก็บข้อมูลสำรองไปเก็บไว้ที่แรมก่อน ทั้งนี้เพราะหน่วยเก็บข้อมูลหลัก สามารถทำงานติดต่อกับซีพียูได้ด้วยความรวดเร็วกว่าหน่วยความจำสำรอง แต่หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง มีข้อดีคือ สามารถจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ได้ แม้ว่าจะปิดเครื่อง และเก็บข้อมูลได้มากกว่าหน่วยเก็บข้อมูลหลัก
ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)
เป็นหน่วยเก็บข้อมูลขนาดใหญ่สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าฟลอปปี้ดิสก์หลายล้านเท่า ฮาร์ดดิสก์ติดตั้งในตัวเครื่องพร้อมกับอุปกรณ์อื่นๆ มีขนาดประมาณ 3.5 นิ้ว แต่มีความหนากว่าฟลอปปี้ดิสก์ มีตัวอ่านข้อมูลอยู่ภายใน ในปัจจุบันมีฮาร์ดดิสก์ตั้งแต่ 40 กิกะไบต์ (GB) ขึ้นไป จึงสามารถเก็บข้อมูลได้มาก โปรแกรมต่างๆ ในปัจจุบันต้องการพื้นที่ในการเก็บข้อมูลมาก โดยเฉพาะโปรแกรมประเภทกราฟิกหรือมัลติมีเดีย จำเป็นต้องใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมากพอจึงจะใช้งานได้
ฟลอปปี้ดิสก์ (Floppy Disk)
ดิสเก็ตต์ (diskette) มีลักษณะเป็นแผ่นแม่เหล็ก ทรงกลม มีพลาสติกแข็งเป็นกรอบสี่เหลี่ยมครอบไว้ชั้นนอก ขนาด 3.5 นิ้ว สามารถจุข้อมูลได้ 1.44 MB ก่อนการใช้งานจะต้องทำการฟอร์แมตแผ่นก่อน
ซีดี–รอม (CD-ROM)
ย่อมาจากคำว่า Compact Disk Read – Only Memory เป็นหน่วยเก็บข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากราคาไม่แพง มีอายุการใช้หลายปี และมีขนาดเล็ก ซีดีรอมเป็นแผ่นพลาสติกกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 4.75 นิ้ว ผิวหน้าเคลือบด้วยโลหะสะท้อนแสง เพื่อป้องกันข้อมูลที่บันทึกไว้บันทึกและอ่านข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์
Flash Drive
เป็นอุปกรณ์ในการเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่เราสามารถลบและเขียนใหม่ได้ เพราะมีลักษณะการทำงานที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด แตกต่างจากฮาร์ดดิสก์ที่ในขณะทำงานจะมีจานแม่เหล็กหมุนตลอดเวลา และ Flash drive นั้นยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะแก่การพกพาไปยังที่ต่างๆ และเหตุผลสำคัญอย่างที่บอกไปแล้ว คือ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเขียนข้อมูลลงไป และสามารถลบเพื่อเขียนใหม่ได้ มีความทนทาน อีกทั้งยังสามารถเลือกขนาดความจุได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นตามความต้องการ แตกต่างจากในสมัยก่อนที่จะมีเพียงแผ่นดิกส์ เท่านั้นที่สามารถเก็บข้อมูลแล้วพกพาไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ แต่แผ่นดิกส์ก็มีข้อจำกัดตรงที่พื้นที่ในการเก็บข้อมูลเก็บได้น้อย และไม่มีความทนทาน
3. ตัวอย่างคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน
ปัจจุบันได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้กับงานในองค์การทุกประเภท ทั้งนี้เนื่องมาจากคุณสมบัติที่ดีในการทำงานของคอมพิวเตอร์ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการดำเนินงานมีแนวโน้มว่าจะเพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้เนื่องมาจากความเจริญทางด้านเทคโนโลยีที่มีการสื่อสารที่มีการพัฒนาอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Phone)
1. การนำเสนอข้อมูลขององค์การ (Organization Profile)
2. การนำเสนอและขายสินค้าและบริการ (Sales and Services)
3. ตรวจสอบการส่งสินค้า (Delivery)
4. การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)
5. งานบัญชี (Accounting)
6. งานบุคลากร (Human Resources)
7. งานฐานข้อมูลลูกค้า (Customer Database)
8. การเรียนการสอน (Teaching and Learning)
นางสาวจารุวรรณ ทองกลม
วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ซอฟต์แวร์ประยุกต์
หน่วยที่ 2
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ application software
โปรแกรมประยุกต์ หรือ ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่นในบางครั้งเรียกย่อว่า แอปพลิเคชั่น คือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งสำหรับใช้งานสำหรับงานเฉพาะทาง ซึ่งแตกต่างกับซอฟต์แวร์ประเภทอื่น เช่น
ระบบปฏิบัติการ ที่ใช้สำหรับรับรองการทำงานหลายด้าน โดยไม่จำเพาะเจาะจง
ความหมายของซอฟต์แวร์ประยุกต์
ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึงชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงหมายถึงลำดับขั้นตอนการทำงานที่เขียนขึ้นด้วยคำสั่งของคอมพิวเตอร์ คำสั่งเหล่านี้เรียงกันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากที่ทราบมาแล้วว่าคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง การทำงานพื้นฐานเป็นเพียงการกระทำกับข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสอง ซึ่งใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ หรือแม้แต่เป็นเสียงพูดก็ได้ ซอฟต์แวร์จึงเป็นส่วนสำคัญของระบบคอมพิวเตอร์ หากขาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญมากและเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบสารสนเทศเป็นไปได้ตามที่ต้องการ
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจำหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย เราอาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้งานเฉพาะ ซอฟต์แวร์สำเร็จในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
ประเภทของซอฟต์แวร์
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software หรือ Operating Software : OS)
ระบบดูแลรักษาเครื่อง การแปลภาษาระดับต่ำหรือระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่องเพื่อให้เครื่องอ่านได้
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน
เป็น Software ที่ใช้สำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น Software สำหรับงานธนาคารการฝากถอนเงิน Software สำหรับงานทะเบียนนักเรียน ซอฟต์แวร์คิดภาษี ซอฟต์แวร์การให้บริการร้าน Seven
1. ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน
เป็น Software ที่ใช้สำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น Software สำหรับงานธนาคารการฝากถอนเงิน Software สำหรับงานทะเบียนนักเรียน ซอฟต์แวร์คิดภาษี ซอฟต์แวร์การให้บริการร้าน Seven
2. ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป
เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับงานทั่วไป โดยในซอฟต์แวร์ 1 ตัวมีความสามารถในการทำงานได้หลายอย่าง เช่น ซอฟต์แวร์งานด้านเอกสาร (Microsoft Word ) มีความสามารถในการสร้างงานเอกสารต่างๆ จัดทำเอกสารรายงาน จัดทำแผ่นพับ จัดทำหนังสือเวียน จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์
1. วิเคราะห์วัตถุประสงค์ของการใช้งาน
การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของการใช้งานเพื่อให้ได้คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม สามารถวิเคราะห์ได้จากประสงการณ์การใช้งาน รูปแบบของการนำเข้าข้อมูล การประมวลผล การแสดงผล ลักษณะหรือรูปแบบของการทำงาน ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ
2. เลือกคอมพิวเตอร์ตามลักษณะของการใช้งาน
1. งานนอกสถานที่ เป็นการใช้งานนอกสถานที่ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ติดตามผู้ใช้ มีการเคลื่อนที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค(Notebook) , คอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ค (Netbook) ,แท็บเลตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) เป็นต้น
2. งานในสถานที่ เป็นลักษณะการใช้งานแบบสำนักงาน ไม่มีการเคลื่อนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์
3. เลือกฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
ในการเลือกคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงานนั้น เมื่อได้วิเคราะห์วัตถุประสงค์และลักษณะของการใช้งานแล้ว ผู้ใช้สามารถตัดสินใจเลือกคุณลักษณะของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น ในการกำหนดคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์นั้น จำเป็นต้องพิจารณาฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ไปพร้อมๆกัน ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลทำให้ไม่สามารถใช้งานตามที่ต้องการได้
4. สำรวจแหล่งขาย
- มีความน่าเชื่่อถือ
- มีการแข่งขันสูง
- มีประสบการณ์
- มีช่องทางการติดต่อ
- เงื่อไขรับประกัน
วิธีการเลือกซอฟต์แวร์
การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของการใช้งานเพื่อให้ได้คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม สามารถวิเคราะห์ได้จากประสงการณ์การใช้งาน รูปแบบของการนำเข้าข้อมูล การประมวลผล การแสดงผล ลักษณะหรือรูปแบบของการทำงาน ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ
2. เลือกคอมพิวเตอร์ตามลักษณะของการใช้งาน
1. งานนอกสถานที่ เป็นการใช้งานนอกสถานที่ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ติดตามผู้ใช้ มีการเคลื่อนที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค(Notebook) , คอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ค (Netbook) ,แท็บเลตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) เป็นต้น
2. งานในสถานที่ เป็นลักษณะการใช้งานแบบสำนักงาน ไม่มีการเคลื่อนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์
3. เลือกฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
ในการเลือกคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงานนั้น เมื่อได้วิเคราะห์วัตถุประสงค์และลักษณะของการใช้งานแล้ว ผู้ใช้สามารถตัดสินใจเลือกคุณลักษณะของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น ในการกำหนดคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์นั้น จำเป็นต้องพิจารณาฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ไปพร้อมๆกัน ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลทำให้ไม่สามารถใช้งานตามที่ต้องการได้
4. สำรวจแหล่งขาย
- มีความน่าเชื่่อถือ
- มีการแข่งขันสูง
- มีประสบการณ์
- มีช่องทางการติดต่อ
- เงื่อไขรับประกัน
ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประยุกต์ช่วยในการทำงานด้านธุรกิจ
เป็นชุดโปรแกรมสำนักงาน พัฒนาโดย ไมโครซอฟท์ ซึ่งสามารถใช้งานได้
ในระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์ และแอปเปิล แม็คอินทอช ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ
ยังมีการส่งเสริมให้ใช้บริการผ่านระบบเครื่องแม่ข่าย (Server) และ บริการผ่านหน้าเว็บ (Web Based) ในรุ่นใหม่ๆ ของไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ เราจะเรียกมันว่า
ระบบสำนักงาน (Office system) แทนแบบเก่าคือ ชุดโปรแกรมสำนักงาน (Office Suite)
ซึ่งการเรียกว่า ระบบสำนักงานจะรวมการทำงานกับเครื่องแม่ข่ายเอาไว้ด้วย
ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006 ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ประกาศเรื่อง
"ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2007" ที่จะเปลี่ยนแปลงหน้าจอการใช้งาน (User Interface)
รูปแบบไฟล์แบบ XML เป็นหลัก รุ่นเสถียรล่าสุด คือไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2007
ซึ่งออกจำหน่ายในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2550
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)